fbpx
ทำไมออฟฟิตต้องมีแม่บ้าน
กันยายน 30, 2020
ลิสต์ทำความสะอาด หลังรีโนเวทบ้านใหม่
ตุลาคม 20, 2020

มองไม่เห็น ใช่ว่าจะไม่มี

ใครเป็นโรคภูมิแพ้ ควรรู้เอาไว้… สาเหตุของโรคภูมิแพ้อันดับหนึ่ง ที่เป็นปัญหาในแทบจะทุกประเทศทั่วโลก ก็คือ “ไรฝุ่น” ที่ที่ไรฝุ่นชอบอยู่ เป็นที่ที่มีอุณหภูมิ 25-30 องศาเซลเซียส ที่ที่มีความชื้นสูง และไรฝุ่นไม่ชอบแสงสว่าง ไรฝุ่นจึงชอบซ่อนตัวอยู่ในห้องนอนเป็นส่วนใหญ่ เช่น ตามที่นอน ผ้าห่ม หมอน พรม ตุ๊กตา หรือของใช้ต่าง ๆ ที่มีเส้นใยเป็นส่วนประกอบค่ะ ซึ่งในหนึ่งวัน เราใช้เวลา 1 ใน 3 ไปกับการนอน และเราก็นอนพลิกไปมาบนที่นอน โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเรานอนอยู่กับไรฝุ่นทุกคืน สาเหตุที่ไรฝุ่นอยู่บนที่นอนกับเรา ก็เพราะบนที่นอนมีอาหารอันโอชะของไรฝุ่นอยู่ นั่นก็คือ คราบเหงื่อไคล เซลล์ผิวจากตัวเรา รังแค เศษผม และสิ่งสกปรกทั้งหลายบนที่นอนนั่นเอง  

 ตื่นเช้ามาใครมักจะมีอาการ น้ำมูกไหล แน่นจมูก ไอ จาม เจ็บคอ แน่นหน้าอก ผื่นคัน น้ำตาไหล หรือตาแดงบ้างหรือเปล่า? คุณอาจเป็นภูมิแพ้ไรฝุ่นอยู่ก็ได้ เพราะอาการเหล่านี้เป็นอาการทั่วไปของโรคภูมิแพ้ ซึ่งโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากไรฝุ่นนั้น มีอยู่หลายโรคด้วยกัน มาเช็คกัน ว่าความเสี่ยงที่จะเป็นโรคภูมิแพ้มีอะไรได้บ้าง

          – โรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) จะมีอาการแน่นจมูก น้ำมูกไหล การอักเสบของโพรงจมูก ทำให้โพรงจมูกบวม

          – โรคหืด (Asthma) แพทย์จะตรวจพบเสียงปอดผิดปกติ คือมีเสียงวี๊ด

          – โรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ (Atopic dermatitis) จะมีอาการคัน มีผื่นแดง และตุ่มที่ผิวหนัง อาจมีอาการร่วมกับไอ จาม น้ำมูกไหล

          – โรคเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic conjunctivitis) จะมีอาการเจ็บตา ตาแดง น้ำตาไหล

          รู้แบบนี้แล้ว… เราควรรักษาความสะอาดทั้งในห้องนอน และห้องต่าง ๆ ภายบ้านนะคะ มากำจัดไรฝุ่นตัวร้ายบนที่นอนตามวิธีด้านล่างนี้กัน

1. หมั่นเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกหมอน

          ควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนทุก 1 สัปดาห์ ไม่อย่างนั้นพวกเซลล์ผิวที่ผลัดจากตัวเรา รังแค เศษผม หรือสิ่งสกปรกที่ตกอยู่บนที่นอนก็จะยิ่งสะสมเยอะ ไรฝุ่นก็จะมาอาศัยอยู่บนที่นอนเราเยอะขึ้นไปด้วย วิธีทำความสะอาดผ้าปูที่นอนและปลอกหมอน แนะนำให้ซักด้วยน้ำร้อน จากนั้นให้นำไปอบหรือรีด เพื่อฆ่าไรฝุ่น ด้วยความร้อนที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส ทำให้ไรฝุ่นตายภายใน 30 นาที และด้วยความร้อนที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส ทำให้ไรฝุ่นตายภายใน 3 นาที

2. นำหมอนหนุน หมอนข้าง และที่นอนไปตากแดด

          ควรนำหมอนออกไปตากแดดทุก 1 เดือน และที่นอนควรตากแดดและทำความสะอาดทุก 1-3 เดือน เพราะแสงแดดช่วยฆ่าพวกเชื้อโรค เชื้อราได้อยู่แล้ว และยังช่วยฆ่าพวกไรฝุ่นและทำให้ไข่ของไรฝุ่นฝ่อได้อีกด้วย ระยะเวลาในการตากแดด 2 ชั่วโมง ทำให้ไรฝุ่นและไข่ฝ่อได้ถึง 50% และถ้าตากไว้นานถึง 5 ชั่วโมง จะทำให้ไรฝุ่นและไข่ฝ่อได้ถึง 100% เลยทีเดียว

3. ใช้หวายหรือไม้ ตบทำความสะอาดหมอนและที่นอน

          เมื่อนำหมอนและที่นอนไปตากแดดเพื่อให้ไรฝุ่นและไข่ฝ่อแล้ว แต่ซากของมันยังคงอยู่ในหมอนและที่นอน จึงควรหาหวายหรือไม้มาตีที่หมอนและที่นอนระหว่างตากแดด และหลังตากแดด เพื่อให้ซากไรฝุ่น และสิ่งปฎิกูลต่าง ๆ (มูลของไรฝุ่น ไรฝุ่นที่ตายแล้ว ไข่ของไรฝุ่นที่ฝ่อ) หลุดออกไป

4. ใช้เครื่องดูดไรฝุ่นมาดูหมอนและที่นอน

          หากไม่ได้เอาหมอนและที่นอนออกไปตากแดดและใช้ไม้ตบความสะอาด ก็มีอีกวิธีหนึ่งที่กำจัดไรฝุ่นได้ผลดี มีประสิทธิภาพที่สุด คือ หาซื้อเครื่องดูดไรฝุ่นมาติดบ้านไว้ สำหรับดูดไรฝุ่นในทุกซอกทุกมุมของเตียง ที่นอน หมอน ตุ๊กตา เครื่องดูดฝุ่นอาจจะราคาสูงหน่อย แต่ก็ถือว่าคุ้มนะคะ ประหยัดเวลาในการดูแลทำความสะอาด แถมยังป้องกันคนในบ้านจากโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากไรฝุ่นด้วย

5. ป้องกันไรฝุ่นตัวร้ายในห้องนอนได้ง่าย ๆ

          ในห้องนอนไม่ควรมีพรม รวมถึงพวกตุ๊กตา หมอนหรือผ้าห่มที่ไม่ได้ใช้งานด้วยค่ะ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นแหล่งรวมฝุ่น ข้าวของเครื่องใช้ในห้องนอนก็ไม่ควรมีเยอะเกินความจำเป็น เพราะจะมีซอก มีหลืบที่ทำความสะอาดได้ยาก เมื่อฝุ่นมาเกาะ แนะนำให้เปิดประตู-หน้าต่าง ให้อากาศถ่ายเทเข้ามาในห้องอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงให้แสงแดดส่องเข้ามาในห้อง ช่วยลดความชื้นในห้อง และแสงแดดจะช่วยฆ่าไรฝุ่นได้ด้วย