เคยลองสังเกตไหมว่าทำไม บ้าน หรือพื้นที่ใดก็ตามที่เราเพิ่งทำความสะอาดไป แต่ทำไมมันกลับดูไม่สะอาดอย่างที่เราคิด กลับต้องไปทำความสะอาดซ้ำแล้วซ้ำอีกจนรู้สึกเปลืองแรง บางทีอาจเป็นเพราะวิธีการทำความสะอาดที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันผิด ยิ่งทำยิ่งสกปรก และนี้คือวิธีการทำความสะอาดแบบผิดๆ ที่เราจะมาบอกให้ทุกคนรู้ก่อน

1. ใช้ไม้ปัดฝุ่นหรือไม้ขนไก่

ทำไมถึงสกปรก เพราะบรรดาโฆษณาที่คุณเห็น มักจะพยายามอวดว่าไม้ปัดฝุ่นขนๆ แบบนี้ เก็บฝุ่นและทำความสะอาดได้ดีแค่ไหน แต่อย่าเชื่อเด็ดขาด เพราะไม้ปัดฝุ่นพวกนี้ขึ้นชื่อมากเรื่องการกระจายฝุ่นไปทั่วบ้าน บางส่วนก็โปรยลงมาตกที่พื้น มันแค่ย้ายที่ฝุ่นโดยไม่ได้ขจัดออกไปจริงๆ

2. ใช้ผ้าขี้ริ้วผืนเดียวทั่วบ้าน

ถึงจะเช็ดแล้วบิดผ้าในน้ำทุกครั้งก็ตาม แต่ถ้ายังใช้ผ้าผืนเดิมเช็ดทั่วบ้าน มันก็คือการเอาฝุ่นจากพื้นที่หนึ่ง ย้ายไปอยู่อีกที่หนึ่งเท่านั้น ซึ่งหมายถึง เชื้อโรคจากห้องน้ำ ก็จะไปอยู่ที่เคาน์เตอร์ครัว ย้ายไปที่โต๊ะกาแฟ หรือที่ใดก็ได้ในบ้านที่เอาผ้าผืนเดียวกันไปเช็ด

3. วางแปรงขัดโถสุขภัณฑ์ลงในที่วางทันทีที่ใช้เสร็จ

หากวางแปรงขัดโถสุขภัณฑ์ลงในที่วางทันทีที่ใช้เสร็จ ความชื้นและเชื้อโรคจากชักโครก จะรวมตัวกันจนเติบโตเป็นทวีคูณอยู่ในแปรงและที่วาง ซึ่งครั้งหน้าที่คุณหยิบขึ้นมาใช้ เชื้อโรคเหล่านี้ก็กลับมาที่ชักโครกในปริมาณที่มากกว่าเดิมนั้นเอง

4.ไม่ทำความสะอาดเครื่องซักผ้า

หลังจากใช้งานแล้ว บรรดาเศษผิวหนังที่ตาย ฝุ่น และคราบสกปรกจากเสื้อผ้า จะยังตกค้างอยู่ในเครื่องซักผ้า ทั้งตัวถังด้านใน ฝาหน้าหรือฝาบน และช่องใส่ผงซักฟอก ซึ่งจะทำให้น้ำที่ซักผ้าครั้งต่อไปสกปรกได้ รวมถึงยังก่อให้เกิดกลิ่นอับด้วย

5.ทิ้งให้อ่างล้างมือเปียกชื้น

อ่างล้างมือไม่ว่าจะตรงส่วนระบายน้ำ หรือส่วนท่อน้ำทิ้ง ก็ล้วนแต่มีเชื้อโรคและแบคทีเรียสะสมได้ง่าย เนื่องจากปัจจัยด้านความชื้นจากน้ำที่ค้างอยู่บนพื้นผิว และเศษอาหารที่มักตกค้างอยู่ เมื่อสองอย่างนี้รวมกันก็กลายเป็นความสกปรก

วิธีแก้ เช็ดอ่างให้แห้งหลังการใช้ และใช้เบกกิ้งโซดาทำความสะอาดส่วนระบายน้ำและท่อน้ำทิ้งสัปดาห์ละครั้ง