ภัยร้ายใกล้ตัวด้านสุขภาพทุกวันนี้มันมีมากมายเหลือเกิน นอกจากเราต้องเอาตัวรอดกับค่าฝุ่นละออง PM2.5 ในอากาศกันแล้ว เรายังต้องต่อสู้กับโรคระบาดที่ชื่อว่า “โคโรน่า” กันอีก หลายๆคนที่ไม่ได้ติดตามข่าว อาจจะยังไม่รู้จักว่าเจ้าเชื้อไวรัสโคโรน่าตัวนี้มันคืออะไร ดังนั้นเราจะสรุปคราวๆ ถึงที่ไปที่มาของไวรัสโคโรน่ากันสักเล็กน้อยกันค่ะ

ไวรัสโคโรน่าคืออะไร

เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ทำให้ผู้ติดเชื้อนั้นเป็นโรคปอดอักเสบแบบรุนแรง โดยไวรัสตัวนี้มีหลากลายสายพันธุ์ ที่เราจะเคยพบมาแล้วก็เป็นไวรัสโรคซ่าร์ส (SARS-CoV) และไวรัสโรคเมอร์ส (MERS-CoV) ที่คลาดชีวิตผู้คนไปแล้วร่วมพันคน และที่ระบาดกันอยู่ตอนนี้ก็เป็นไวรัสสายใหม่ชื่อว่าไวรัสโคโรน่าหรือที่เรียกว่า coronavirus (CoV) 2019 ที่เป็นการเริ่มติดเชื้อจากสัตว์สู่คน ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าจะเป็นไวรัสที่รุนแรงกว่าสายก่อนๆ

ไวรัสโคโรน่าติดต่อกันทางไหน

ไวรัสโคโรน่าติดต่อกันได้จากคนสู้คน โดยการสัมผัสน้ำมูก, น้ำลาย, เสมหะ ของผู้ติดเชื้อ และยังติดต่อกันโดยช่องทางเดินหายใจ, ตา, จมูก และปาก ถ้าจะพูดให้เคลียร์ไปเลยก็คงต้องบอกว่ามันติดต่อกันง่ายมากๆ แค่มีเชื่อไวรัสโคโรน่าลอยอยู่ในอากาศ (ที่เกิดจากการไอหรือจามของผู้ติดเชื้อ) เราที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงนั้นก็สามารถรับเชื้อติดต่อมาได้แล้ว

อาการของไวรัสโคโรน่า

มีอาการหายใจผิดปกติ, มีน้ำมูก, ไอ และเจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ โดยรวมอาจจะเหมือนไข้หวัดทั่วไปแต่จะมีไข้สูง, ปวดหัว และปวดเมื่อย หรือบางคนอาจไม่มีไข้  ทั้งนี้และทั้งนั้นอาการของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่ภูมิต้านทานของคนคนนั้นด้วย

ป้องกันตัวเองจากไวรัสโคโรน่าอย่างไร

• เราควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านยิ่งสถานีที่ไหนมีทัวร์จีนลงเยอะๆ ยิ่งเป็นสถานที่ต้องห้ามในช่วงนี้
• สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องเดินทางออกนอกที่พักอาศัย อันที่จริงเนื่องจากทุกวันนี้เราจำเป็นต้องสวมหน้ากาก N95 เพื่อป้องกันฝุ่นละอองในอากาศอยู่แล้ว จึงถือได้ว่าการสวมหน้าหน้ากากในช่วงนี้จะช่วยป้องกันเราได้ทั้งไวรัสโคโรน่าและฝุ่น PM2.5
• หลีกเลี่ยงการทานเนื้อสัตว์หรืออาหารที่ยังไม่สุก
• หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เป็นประจำ

หากทุกครั้งที่เราสัมผัสสิ่งต่างๆที่คิดว่าไม่ปลอดภัยหรือเป็นแหล่งสะสมของเชื่อโรค แล้วเราต้องไปล้างมือที่ห้องน้ำบ่อยๆ หรือบางครั้งเราก็ไม่มีเวลามากพอที่จะล้างมืออย่างสะอาดหมดจด แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่ามือของเรานั้นสะอาดเพียงพอแล้ว ดังนั้นการใช้เจลล้างมือที่ผสมแอลกอฮอล์น่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคนขี้เกียจ เพราะนอกจากจะทำความสะอาดสิ่งสกปรกแล้ว ยังสามารถฆ่าเชื้อโรค, เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสได้ดีอีกด้วย